สำหรับใครที่รักการท่องโลกอินเทอร์เน็ต สายดู Netflix ต่างประเทศ หรือสายเล่นเกมที่ต้องมุดเซิร์ฟนอก คงคุ้นเคยกับการใช้ VPN (Virtual Private Network) เพื่อเปลี่ยน IP หรือปลดล็อกเว็บที่โดนบล็อกกันอยู่แล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าเบื้องหลังการเชื่อมต่อที่เสถียรและปลอดภัย มันคือการทำงานของ “โปรโตคอล VPN” ซึ่งเป็นเหมือนวิธีที่ VPN ใช้ในการสร้างช่องทางเชื่อมต่อข้อมูลให้เรานั่นเอง
โปรโตคอล VPN มีหลายตัวให้เลือกใช้ แต่ละตัวก็มีจุดเด่นต่างกัน ทั้งเรื่องความเร็ว ความปลอดภัย และความเสถียร เช่น OpenVPN, WireGuard และ IKEv2 ซึ่งแต่ละตัวก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป วันนี้พี่วัวจะพาเจาะลึกโปรโตคอลที่ปังไม่แพ้ใครอย่าง IKEv2 กันแบบหมดเปลือก ไปทำความรู้กันก่อนว่า IKEv2 คืออะไรและทำงานยังไงกันนะ
IKEv2 คืออะไร
IKEv2 ย่อมาจาก Internet Key Exchange version 2 เป็นโปรโตคอลที่ถูกพัฒนาร่วมกันโดยสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการไอทีอย่าง Microsoft และ Cisco มีเป้าหมายเพื่อสร้างการเชื่อมต่อ VPN ที่เข้ารหัสและปลอดภัย โดยเฉพาะในเรื่องของความเสถียร
ที่จริงแล้ว โปรโตคอล IKEv2 จะทำงานควบคู่ไปกับ IPsec เสมอเหมือนคู่หูที่ขาดกันไม่ได้ เราจึงมักเห็นมันถูกเรียกว่า IKEv2/IPsec ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็มักเรียกสั้น ๆ ว่า IKEv2 นั่นแหละ
จุดเด่นที่ทำให้ IKEv2 โดดเด่นกว่าใครเพื่อนคือฟีเจอร์ที่เรียกว่า MOBIKE (Mobility and Multihoming Protocol) ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อ VPN ของเรายังคงต่อเนื่องและไม่หลุด แม้เราจะสลับเครือข่ายระหว่าง Wi-Fi ไป 4G หรือ 5G ก็ตาม เรียกว่าเป็นโปรโตคอลที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่ชอบใช้มือถือหรือทำงานนอกสถานที่เลยก็ว่าได้
🐮ก่อนจะไปเจาะลึกการทำงานของ IKEv2 เราไปทำความรู้จักกับคู่หูอย่าง IPsec กันก่อนดีกว่า
IPsec คืออะไร?
IPsec หรือ Internet Protocol Security คือชุดโปรโตคอลที่ทำหน้าที่เข้ารหัสและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่ถูกส่งผ่านอินเทอร์เน็ต โดยหลักการทำงานของ IPsec จะมีตั้งแต่การยืนยันตัวตน การเข้ารหัสข้อมูล ไปจนถึงการป้องกันการโจมตีจากผู้ไม่หวังดี เรียกได้ว่า IPsec คือเกราะป้องกันข้อมูลของเรานั่นเอง
IKEv2 ทำงานอย่างไร?
อย่างที่พี่วัวได้บอกไปว่า IKEv2 และ IPsec ทำงานร่วมกัน อธิบายง่ายๆคือ ในโลก VPN ตัว IKEv2 จะทำหน้าที่ตั้งค่าการเชื่อมต่อ ส่วน IPsec ก็คือด่านที่คอยเข้ารหัสและถอดรหัสข้อมูลระหว่างผู้ใช้กับเซิร์ฟเวอร์ VPN พูดง่าย ๆ คือ IKEv2 วางเส้นทาง ส่วน IPsec เป็นคนคุมความปลอดภัยของถนนเส้นนั้นเลยต้องเป็นคู่หูที่ขาดกันไม่ได้
ด้านความปลอดภัยของ IKEv2
เรื่องความปลอดภัยของ IKEv2 ที่ใช้มาตรฐานการเข้ารหัสระดับสูงอย่าง AES 256-bit ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ถูกยอมรับในวงกว้าง แถมยังมีฟังก์ชันการป้องกันการโจมตีซ้ำ (Replay Protection) และการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล (Data Integrity) ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลของเราจะถูกปกป้องอย่างเข้มงวด
ด้านความเร็วของ IKEv2
ในเรื่องของความเร็ว IKEv2 ถือว่าทำได้ดีไม่แพ้ใคร เพราะด้วยกระบวนการสร้างการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับการสตรีมวิดีโอ การเล่นเกมออนไลน์ และการดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความเร็วที่ได้ก็ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ด้วยนะ เช่น ระยะทางระหว่างเซิร์ฟเวอร์กับอุปกรณ์ของเรา หากระยะทางไกลมากก็อาจจะทำให้ความเร็วช้าลงได้
ข้อดี-ข้อเสียของ IKEv2
ข้อดีของ IKEv2
- ความเสถียรที่ดีเยี่ยม ด้วยฟีเจอร์เด็ดอย่าง MOBIKE ที่เปรียบเสมือนเกราะป้องกันการเชื่อมต่อของเรา ทำให้การเชื่อมต่อ VPN ไม่หลุดง่าย ๆ แม้เราจะเปลี่ยนเครือข่ายบ่อยแค่ไหนก็ตาม
- ความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ เรื่องความปลอดภัย IKEv2 ไม่เป็นรองใคร เพราะมันใช้มาตรฐานการเข้ารหัสระดับสูงอย่าง AES 256-bit ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับที่รัฐบาลและองค์กรใหญ่ ๆ ทั่วโลกใช้กันอยู่
- ความเร็วที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ด้วยกระบวนการสร้างการเชื่อมต่อที่รวดเร็วกว่าโปรโตคอลอื่น ๆ ทำให้ IKEv2 เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความเร็วสูงเป็นพิเศษ เช่น การสตรีมหนังแบบ 4K, การเล่นเกมออนไลน์ที่ต้องอาศัย Ping ต่ำ ๆ หรือแม้แต่การดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ก็ทำได้
- ใช้งานง่ายและรองรับหลากหลายแพลตฟอร์ม ปัจจุบัน IKEv2 มีการรองรับในระบบปฏิบัติการยอดฮิตเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Windows, macOS, iOS, หรือ Android
ข้อเสียของ IKEv2
- มีโอกาสถูกบล็อกได้ง่าย ข้อจำกัดหนึ่งของ IKEv2 คือมันทำงานบนโปรโตคอล UDP (User Datagram Protocol) เท่านั้น ซึ่งโปรโตคอลนี้อาจถูกบล็อกได้ง่ายกว่าเมื่อเจอกับ Firewall บางประเภทที่ถูกตั้งค่ามาอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ เช่น ประเทศจีน
- ใช้งานไม่ได้กับบางระบบ เช่น Android รุ่นเก่า
IKEv2 เหมาะกับใคร?
- ผู้ใช้สมาร์ตโฟนที่ต้องการความเสถียรสูง เหมาะสำหรับคนที่ใช้งาน VPN บนมือถือเป็นหลักและต้องการการเชื่อมต่อที่ไม่สะดุดแม้จะสลับจาก Wi-Fi ไป 4G หรือ 5G
- คนที่ชอบเดินทางหรือต้องทำงานนอกสถานที่ หมดปัญหา VPN หลุดระหว่างเดินทางหรือเปลี่ยนสถานที่ทำงาน เพราะ IKEv2 จะรักษาการเชื่อมต่อให้คงอยู่ตลอดเวลา
- คนที่ต้องการทั้งความเร็วและความปลอดภัย สำหรับคนที่ไม่อยากเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง IKEv2 ก็เป็นตัวเลือกที่ลงตัว เพราะมันให้ทั้งความเร็วที่เหมาะกับการสตรีมและเล่นเกม พร้อมความปลอดภัยระดับสูงที่ไว้ใจได้
เปรียบเทียบ IKEv2 กับโปรโตคอล VPN อื่น ๆ
IKEv2 มักจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับ โปรโตคอล WireGuard และ OpenVPN อยู่บ่อย ๆ โดย WireGuard เป็นโปรโตคอลน้องใหม่ที่เน้นความเร็วเป็นหลัก ในขณะที่ OpenVPN เป็นโปรโตคอลที่ทะละบล็อกได้ดีกว่า แต่ก็อาจจะช้ากว่า IKEv2 และ WireGuard อยู่บ้าง ถ้าจะให้สรุปสั้น ๆ คือ IKEv2 เป็นโปรโตคอลที่เน้นความเสถียรในการเชื่อมต่อ ส่วน WireGuard เน้นความเร็ว และ OpenVPN เน้นการทะลุบล็อกนั่นเอง
โปรโตคอล |
ความปลอดภัย |
ความเร็ว |
การทะลุบล็อก |
รองรับอุปกรณ์ |
เหมาะกับใคร |
IKEv2 |
สูง |
ปานกลาง |
ดี |
ครบทุกระบบ |
ต้องการความเร็ว และความปลอดภัย |
OpenVPN |
สูงมาก |
ช้า |
ดีมาก |
ครบทุกระบบ |
ฟีเจอร์ครบ ทะลุบล็อกแบบยากๆ |
WireGuard |
สูง |
เร็วที่สุด |
ดี |
ครบทุกระบบ |
คนที่ต้องการ ความเร็ว เล่นเกม สตรีมวิดีโอ |
IKEv2 เป็นหนึ่งใน โปรโตคอล VPN ที่นิยมใช้มากที่สุดในปัจจุบัน ด้วยจุดเด่นด้าน ความเร็ว เสถียรภาพ และความปลอดภัยระดับสูง ทำให้มันเหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการเชื่อมต่อ VPN แบบไม่สะดุด โดยเฉพาะบนมือถือหรืออุปกรณ์พกพาที่ต้องเปลี่ยนเครือข่ายบ่อย ๆ
ถ้าคุณต้องการโปรโตคอล VPN สำหรับการใช้งานที่เน้นความคล่องตัว มีความเร็วปานกลาง ปลอดภัย และไม่หลุดง่าย ๆ โปรโตคอล IKEv2 ตอบโจทย์
หากกำลังมองหา VPN ที่รองรับการทำงานหลายรูปแบบ พี่วัวขอแนะนำ BullVPN ซึ่งมีโปรโตคอลยอดนิยมให้เลือกใช้งานครบทั้ง IKEv2, OpenVPN และ WireGuard ไม่ว่าจะใช้งานด้านไหน เช่น ปลดล็อกเว็บบล็อก ดูหนัง หรือเล่นเกม BullVPN ก็ตอบโจทย์ได้ทุกการใช้งาน 🌐🐮