pattern

เจาะลึก IKEv2 คืออะไร? โปรโตคอล VPN ยอดนิยมที่ควรรู้จัก

     133

pattern

deep-dive-what-is-ikev2-the-popular-vpn-protocol

สำหรับใครที่รักการท่องโลกอินเทอร์เน็ต สายดู Netflix ต่างประเทศ หรือสายเล่นเกมที่ต้องมุดเซิร์ฟนอก คงคุ้นเคยกับการใช้ VPN (Virtual Private Network) เพื่อเปลี่ยน IP หรือปลดล็อกเว็บที่โดนบล็อกกันอยู่แล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าเบื้องหลังการเชื่อมต่อที่เสถียรและปลอดภัย มันคือการทำงานของ “โปรโตคอล VPN” ซึ่งเป็นเหมือนวิธีที่ VPN ใช้ในการสร้างช่องทางเชื่อมต่อข้อมูลให้เรานั่นเอง

โปรโตคอล VPN มีหลายตัวให้เลือกใช้ แต่ละตัวก็มีจุดเด่นต่างกัน ทั้งเรื่องความเร็ว ความปลอดภัย และความเสถียร เช่น OpenVPN, WireGuard และ IKEv2 ซึ่งแต่ละตัวก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป วันนี้พี่วัวจะพาเจาะลึกโปรโตคอลที่ปังไม่แพ้ใครอย่าง IKEv2 กันแบบหมดเปลือก ไปทำความรู้กันก่อนว่า IKEv2 คืออะไรและทำงานยังไงกันนะ 

IKEv2 คืออะไร 

IKEv2 ย่อมาจาก Internet Key Exchange version 2 เป็นโปรโตคอลที่ถูกพัฒนาร่วมกันโดยสองยักษ์ใหญ่แห่งวงการไอทีอย่าง Microsoft และ Cisco มีเป้าหมายเพื่อสร้างการเชื่อมต่อ VPN ที่เข้ารหัสและปลอดภัย โดยเฉพาะในเรื่องของความเสถียร

ที่จริงแล้ว โปรโตคอล IKEv2 จะทำงานควบคู่ไปกับ IPsec เสมอเหมือนคู่หูที่ขาดกันไม่ได้ เราจึงมักเห็นมันถูกเรียกว่า IKEv2/IPsec ซึ่งคนส่วนใหญ่ก็มักเรียกสั้น ๆ ว่า IKEv2 นั่นแหละ

จุดเด่นที่ทำให้ IKEv2 โดดเด่นกว่าใครเพื่อนคือฟีเจอร์ที่เรียกว่า MOBIKE (Mobility and Multihoming Protocol)  ที่ช่วยให้การเชื่อมต่อ VPN ของเรายังคงต่อเนื่องและไม่หลุด แม้เราจะสลับเครือข่ายระหว่าง Wi-Fi ไป 4G หรือ 5G ก็ตาม เรียกว่าเป็นโปรโตคอลที่ตอบโจทย์คนยุคใหม่ที่ชอบใช้มือถือหรือทำงานนอกสถานที่เลยก็ว่าได้ 

🐮ก่อนจะไปเจาะลึกการทำงานของ IKEv2 เราไปทำความรู้จักกับคู่หูอย่าง IPsec กันก่อนดีกว่า

IPsec คืออะไร?

IPsec หรือ Internet Protocol Security คือชุดโปรโตคอลที่ทำหน้าที่เข้ารหัสและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลที่ถูกส่งผ่านอินเทอร์เน็ต โดยหลักการทำงานของ IPsec จะมีตั้งแต่การยืนยันตัวตน การเข้ารหัสข้อมูล ไปจนถึงการป้องกันการโจมตีจากผู้ไม่หวังดี เรียกได้ว่า IPsec คือเกราะป้องกันข้อมูลของเรานั่นเอง

how-does-ikev2-work

IKEv2 ทำงานอย่างไร? 

อย่างที่พี่วัวได้บอกไปว่า IKEv2 และ IPsec ทำงานร่วมกัน อธิบายง่ายๆคือ  ในโลก VPN ตัว IKEv2 จะทำหน้าที่ตั้งค่าการเชื่อมต่อ ส่วน IPsec ก็คือด่านที่คอยเข้ารหัสและถอดรหัสข้อมูลระหว่างผู้ใช้กับเซิร์ฟเวอร์ VPN พูดง่าย ๆ คือ IKEv2 วางเส้นทาง ส่วน IPsec เป็นคนคุมความปลอดภัยของถนนเส้นนั้นเลยต้องเป็นคู่หูที่ขาดกันไม่ได้

ด้านความปลอดภัยของ IKEv2

เรื่องความปลอดภัยของ IKEv2 ที่ใช้มาตรฐานการเข้ารหัสระดับสูงอย่าง AES 256-bit ซึ่งเป็นมาตรฐานที่ถูกยอมรับในวงกว้าง แถมยังมีฟังก์ชันการป้องกันการโจมตีซ้ำ (Replay Protection) และการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูล (Data Integrity) ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลของเราจะถูกปกป้องอย่างเข้มงวด

ด้านความเร็วของ IKEv2

ในเรื่องของความเร็ว IKEv2 ถือว่าทำได้ดีไม่แพ้ใคร เพราะด้วยกระบวนการสร้างการเชื่อมต่อที่รวดเร็ว ทำให้มันเป็นตัวเลือกที่เหมาะกับการสตรีมวิดีโอ การเล่นเกมออนไลน์ และการดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความเร็วที่ได้ก็ยังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ ด้วยนะ เช่น ระยะทางระหว่างเซิร์ฟเวอร์กับอุปกรณ์ของเรา หากระยะทางไกลมากก็อาจจะทำให้ความเร็วช้าลงได้

ข้อดี-ข้อเสียของ IKEv2

ข้อดีของ IKEv2

  • ความเสถียรที่ดีเยี่ยม ด้วยฟีเจอร์เด็ดอย่าง MOBIKE ที่เปรียบเสมือนเกราะป้องกันการเชื่อมต่อของเรา ทำให้การเชื่อมต่อ VPN ไม่หลุดง่าย ๆ แม้เราจะเปลี่ยนเครือข่ายบ่อยแค่ไหนก็ตาม 
  • ความปลอดภัยที่เชื่อถือได้ เรื่องความปลอดภัย IKEv2 ไม่เป็นรองใคร เพราะมันใช้มาตรฐานการเข้ารหัสระดับสูงอย่าง AES 256-bit ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับที่รัฐบาลและองค์กรใหญ่ ๆ ทั่วโลกใช้กันอยู่ 
  • ความเร็วที่ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน ด้วยกระบวนการสร้างการเชื่อมต่อที่รวดเร็วกว่าโปรโตคอลอื่น ๆ ทำให้ IKEv2 เหมาะกับการใช้งานที่ต้องการความเร็วสูงเป็นพิเศษ เช่น การสตรีมหนังแบบ 4K, การเล่นเกมออนไลน์ที่ต้องอาศัย Ping ต่ำ ๆ หรือแม้แต่การดาวน์โหลดไฟล์ขนาดใหญ่ก็ทำได้ 
  • ใช้งานง่ายและรองรับหลากหลายแพลตฟอร์ม ปัจจุบัน IKEv2 มีการรองรับในระบบปฏิบัติการยอดฮิตเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น Windows, macOS, iOS, หรือ Android 

ข้อเสียของ IKEv2

  • มีโอกาสถูกบล็อกได้ง่าย ข้อจำกัดหนึ่งของ IKEv2 คือมันทำงานบนโปรโตคอล UDP (User Datagram Protocol) เท่านั้น ซึ่งโปรโตคอลนี้อาจถูกบล็อกได้ง่ายกว่าเมื่อเจอกับ Firewall บางประเภทที่ถูกตั้งค่ามาอย่างเข้มงวดเป็นพิเศษ เช่น ประเทศจีน 
  • ใช้งานไม่ได้กับบางระบบ เช่น Android รุ่นเก่า

IKEv2 เหมาะกับใคร?

  • ผู้ใช้สมาร์ตโฟนที่ต้องการความเสถียรสูง เหมาะสำหรับคนที่ใช้งาน VPN บนมือถือเป็นหลักและต้องการการเชื่อมต่อที่ไม่สะดุดแม้จะสลับจาก Wi-Fi ไป 4G หรือ 5G
  • คนที่ชอบเดินทางหรือต้องทำงานนอกสถานที่ หมดปัญหา VPN หลุดระหว่างเดินทางหรือเปลี่ยนสถานที่ทำงาน เพราะ IKEv2 จะรักษาการเชื่อมต่อให้คงอยู่ตลอดเวลา
  • คนที่ต้องการทั้งความเร็วและความปลอดภัย สำหรับคนที่ไม่อยากเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง IKEv2 ก็เป็นตัวเลือกที่ลงตัว เพราะมันให้ทั้งความเร็วที่เหมาะกับการสตรีมและเล่นเกม พร้อมความปลอดภัยระดับสูงที่ไว้ใจได้ 

เปรียบเทียบ IKEv2 กับโปรโตคอล VPN อื่น ๆ

IKEv2 มักจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับ โปรโตคอล WireGuard และ OpenVPN อยู่บ่อย ๆ โดย WireGuard เป็นโปรโตคอลน้องใหม่ที่เน้นความเร็วเป็นหลัก ในขณะที่ OpenVPN เป็นโปรโตคอลที่ทะละบล็อกได้ดีกว่า แต่ก็อาจจะช้ากว่า IKEv2 และ WireGuard อยู่บ้าง ถ้าจะให้สรุปสั้น ๆ คือ IKEv2 เป็นโปรโตคอลที่เน้นความเสถียรในการเชื่อมต่อ ส่วน WireGuard เน้นความเร็ว และ OpenVPN เน้นการทะลุบล็อกนั่นเอง 

โปรโตคอล

ความปลอดภัย

ความเร็ว

การทะลุบล็อก

รองรับอุปกรณ์

เหมาะกับใคร

IKEv2

สูง

ปานกลาง

ดี

ครบทุกระบบ

 

ต้องการความเร็ว

และความปลอดภัย

OpenVPN

สูงมาก

ช้า

ดีมาก

ครบทุกระบบ

ฟีเจอร์ครบ

ทะลุบล็อกแบบยากๆ

WireGuard

สูง

เร็วที่สุด

ดี

ครบทุกระบบ

คนที่ต้องการ ความเร็ว

เล่นเกม สตรีมวิดีโอ

IKEv2 เป็นหนึ่งใน โปรโตคอล VPN ที่นิยมใช้มากที่สุดในปัจจุบัน ด้วยจุดเด่นด้าน ความเร็ว เสถียรภาพ และความปลอดภัยระดับสูง ทำให้มันเหมาะมากสำหรับคนที่ต้องการเชื่อมต่อ VPN แบบไม่สะดุด โดยเฉพาะบนมือถือหรืออุปกรณ์พกพาที่ต้องเปลี่ยนเครือข่ายบ่อย ๆ

ถ้าคุณต้องการโปรโตคอล VPN สำหรับการใช้งานที่เน้นความคล่องตัว มีความเร็วปานกลาง ปลอดภัย และไม่หลุดง่าย ๆ โปรโตคอล IKEv2 ตอบโจทย์ 

hide-your-ip-address-with-bullvpn

หากกำลังมองหา VPN ที่รองรับการทำงานหลายรูปแบบ พี่วัวขอแนะนำ BullVPN ซึ่งมีโปรโตคอลยอดนิยมให้เลือกใช้งานครบทั้ง IKEv2, OpenVPN และ WireGuard ไม่ว่าจะใช้งานด้านไหน เช่น ปลดล็อกเว็บบล็อก ดูหนัง หรือเล่นเกม BullVPN ก็ตอบโจทย์ได้ทุกการใช้งาน 🌐🐮