การเดินทางต่างประเทศกลายเป็นเรื่องปกติของคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเพื่อท่องเที่ยว ทำงาน หรือเรียนต่อ หนึ่งในคำถามที่หลายคนสงสัยคือ “โรมมิ่งคืออะไร” และจำเป็นแค่ไหนเวลาไปต่างประเทศ บทความนี้เราจะพาไปรู้จักโรมมิ่งแบบเข้าใจง่าย พร้อมเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย และแนะนำทางเลือกที่คุ้มค่ากว่าอย่าง VPN สำหรับคนที่อยากใช้อินเทอร์เน็ตปลอดภัยในราคาที่ควบคุมได้✈️🌍
โรมมิ่งคืออะไร?
หลายคนอาจเคยได้ยินคำว่า โรมมิ่ง และต้องสงสัยแน่นอนว่า โรมมิ่งคืออะไร เวลาที่เจอบนเมนูในโทรศัพท์ โรมมิ่ง (Roaming) คือการเชื่อมต่อเครือข่ายมือถือของคุณเข้ากับเครือข่ายผู้ให้บริการต่างประเทศ ทำให้สามารถโทร ส่งข้อความ และใช้อินเทอร์เน็ตได้ทันที แม้อยู่คนละประเทศกับซิมการ์ดที่เรากำลังใช้งานอยู่
โรมมิ่งโทรศัพท์📱
คือการเปิดใช้บริการในเบอร์เดิมที่ใช้งานอยู่ ในการโทรออกและรับสาย เมื่ออยู่ต่างประเทศ โดยระบบจะเชื่อมต่อกับผู้ให้บริการเครือข่ายในประเทศปลายทางที่เราไป
โรมมิ่งอินเทอร์เน็ต🌐
คือการเปิดใช้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านเครือข่ายผู้ให้บริการที่เราใช้งานอยู่ ตัวค่าใช้จ่ายจะถูกคิดกลับไปยังผู้ให้บริการมือถือในประเทศต้นทาง หรือรวมกับบิลค่ามือถือนั่นเอง
โรมมิ่งทำงานอย่างไร?
การทำงานของโรมมิ่งนั้นง่ายมาก เวลาเราเดินทางไปต่างประเทศและได้ทำการเปิดใช้บริการโรมมิ่งโทรศัพท์เราจะค้นหาเครือข่ายที่จับคู่กับผู้ให้บริการปัจจุบันของเรา เช่น AIS, TRUE, DTAC จากนั้นทุกการใช้งาน (โทร, ข้อความ, อินเทอร์เน็ต) จะถูกส่งข้อมูลกลับมาคิดค่าบริการกับเครือข่ายในประเทศ รวมกับค่าแพ็กเกจมือถือที่เราใช้งานอยู่ในรอบบิลถัดไป
ข้อดีของการใช้โรมมิ่ง✅
- สะดวก ใช้เบอร์ที่ใช้งานได้เลยทันที
- ไม่ต้องซื้อซิมใหม่หรือเช่า Pocket WiFi
- เหมาะสำหรับคนที่ต้องการติดต่อธุรกิจ
ข้อเสียของการใช้โรมมิ่ง❌
- ค่าใช้จ่ายสูงมาก หากไม่ได้สมัครแพ็กเกจโรมมิ่งไว้ล่วงหน้า
- เสี่ยงเปิดโรมมิ่งโดยไม่รู้ตัว ทำให้บิลพุ่งไม่รู้เรื่อง
- ความเร็วอินเทอร์เน็ตขึ้นอยู่กับเครือข่ายประเทศปลายทาง
โรมมิ่งต่างจากซิมต่างประเทศหรือไม่
หลายคนลังเลว่าจะใช้โรมมิ่งดี หรือซื้อซิมต่างประเทศดีกว่า มาลองเทียบกัน
โรมมิ่ง vs ซิมต่างประเทศ
- โรมมิ่ง: ใช้เบอร์เดิม แต่แพงกว่า
- ซิมต่างประเทศ: ราคาถูกกว่า แต่ต้องเปลี่ยนเบอร์
โรมมิ่ง vs Pocket WiFi
- โรมมิ่ง: ส่วนตัว ใช้ง่าย แต่ค่าใช้จ่ายต่อวันสูง
- Pocket WiFi: แชร์ได้หลายเครื่อง ราคาต่อวันถูกกว่า แต่พกพายุ่งยาก
โรมมิ่ง vs VPN
- ถ้าเน้นการโทร ใช้โรมมิ่ง
- ถ้าเน้นอินเทอร์เน็ตปลอดภัยและคุ้มค่า เลือก VPN โดยเฉพาะ BullVPN
VPN คืออะไร?🐮
VPN คือ (Virtual Private Network) เทคโนโลยีที่ช่วยเข้ารหัสข้อมูลและเปลี่ยนเส้นทางการใช้งานอินเทอร์เน็ตของคุณไปยังเซิร์ฟเวอร์ในประเทศต่าง ๆ ทำให้ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้เหมือนอยู่ที่ประเทศนั้นจริง ๆ
ข้อดีของ VPN คือ
- ปลอดภัย เพราะข้อมูลถูกเข้ารหัส
- คุ้มค่า ราคาถูกกว่าการเปิดโรมมิ่งหลายเท่า
- เข้าถึงคอนเทนต์ได้ทั่วทุกมุมโลก เช่น ดู Netflix, YouTube หรือเว็บไซต์ที่ถูกบล็อก
- ใช้งานง่าย เพียงเปิดแอปก็เชื่อมต่อได้ทันที
เมื่อไหร่ควรใช้โรมมิ่ง และเมื่อไหร่ควรใช้ VPN
- โรมมิ่งเหมาะกับคนที่ต้องใช้เบอร์เดิมเพื่อรับสาย/ติดต่อธุรกิจ
- VPN เหมาะกับคนที่ต้องการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างเดียว คุมค่าใช้จ่าย และป้องกันข้อมูลรั่วไหล
ทำไม BullVPN จึงเป็นตัวเลือกที่คุ้มกว่าโรมมิ่ง
ทำไม BullVPN จึงเป็นตัวเลือกที่คุ้มกว่าโรมมิ่ง หากเปรียบเทียบเรื่อง ความคุ้มค่าและความปลอดภัย การใช้ BullVPN ถือเป็นตัวเลือกที่เหนือกว่าการโรมมิ่งหลายเท่า
- มี เซิร์ฟเวอร์ครอบคลุมทั่วโลก
- ปกป้องข้อมูลด้วย การเข้ารหัสมาตรฐานสูง
- ราคาประหยัด เริ่มต้นหลักสิบต่อวัน แต่ใช้ได้ทั้งเดือนหรือปี
- ใช้งานง่าย รองรับทั้ง มือถือ คอมพิวเตอร์ และแท็บเล็ต
นอกจากนี้ BullVPN ยังช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงการบล็อกเว็บไซต์ เข้าถึงบริการสตรีมมิ่ง หรือแม้แต่ใช้แอปที่ปกติใช้งานได้เฉพาะในบางประเทศ เรียกได้ว่า “คุ้มกว่าการเปิดโรมมิ่งหลายเท่า”