เมื่อพูดถึง VPN (Virtual Private Network) หลายคนอาจคุ้นเคยกับการใช้งานเพื่อ เปลี่ยน IP หรือ ปลดล็อกเว็บไซต์ที่ถูกบล็อก แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่อยู่เบื้องหลังการทำงานของ VPN คือ โปรโตคอล (Protocol) ซึ่งเป็นตัวกำหนดว่า VPN นั้นจะปลอดภัยแค่ไหน เร็วแค่ไหน และเหมาะกับการใช้งานรูปแบบใด
โปรโตคอล VPN (VPN Protocol) มีหลายประเภท เช่น OpenVPN, IKEv2, WireGuard, L2TP/IPSec, PPTP และ SSTP โดยแต่ละตัวมีข้อดี ข้อเสีย และลักษณะการใช้งานที่ต่างกันอย่างชัดเจน
🐮ก่อนจะไปรู้จักโปรโตคอล พี่วัวขอพาไปรู้จัก VPN กันก่อนนะครับผม
VPN คืออะไร สำคัญอย่างไร?
VPN (Virtual Private Network) คือเทคโนโลยีที่สร้างการเชื่อมต่อแบบส่วนตัวผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต โดยมีการเข้ารหัสข้อมูลเพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่น แฮกเกอร์ หรือแม้แต่ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) สามารถดักจับหรือสอดแนมพฤติกรรมการใช้งานของคุณได้ ซึ่งช่วยเพิ่มทั้งความปลอดภัย ความเป็นส่วนตัว และยังสามารถใช้เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดในการเข้าถึงเว็บไซต์บางแห่ง เช่น การดู Netflix ต่างประเทศ หรือเข้าใช้งานเนื้อหาที่ถูกจำกัดพื้นที่ในบางประเทศ อย่างไรก็ตาม โปรโตคอลที่เลือกใช้มีบทบาทสำคัญต่อประสิทธิภาพของ VPN ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความเร็ว ความปลอดภัย หรือความเสถียร
โปรโตคอล VPN คืออะไร
โปรโตคอล VPN คือวิธีที่ VPN ใช้ในการสร้างช่องทางเชื่อมต่อข้อมูลที่ปลอดภัย ซึ่งส่งผลทั้งเรื่องความเร็ว ความปลอดภัย และความเสถียรในการใช้งาน รวมถึงความสามารถในการเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกจำกัด ดังนั้นการเลือกโปรโตคอลที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญมากในการทำให้ VPN ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
🐮อย่างที่พี่วัวได้กล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าโปรโตคอล VPN มีหลายประเภทด้วยกัน แต่พี่วัวเลือก 3 ประเภทหลักๆมาแนะนำคือ OpenVPN, IKEv2 และ WireGuard
เปรียบเทียบโปรโตคอล VPN
OpenVPN
OpenVPN ย่อมาจาก Open-source Virtual Private Network เป็นโปรโตคอลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก VPN โดยใช้เทคโนโลยี SSL/TLS ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกับ HTTPS ที่ใช้ในเว็บไซต์ทั่วไป และสามารถทำงานบนพอร์ต TCP หรือ UDP OpenVPN มีลักษณะโอเพนซอร์ส หมายความว่าทุกคนสามารถตรวจสอบโค้ดได้ ทำให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสามารถค้นหาช่องโหว่ได้ง่ายและแก้ไขได้รวดเร็ว
ด้านความปลอดภัยของ OpenVPN
OpenVPN ถือเป็นโปรโตคอลที่มีความปลอดภัยสูง โดยรองรับการเข้ารหัสแบบ AES-256, RSA และ SHA ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับองค์กร นอกจากนี้ยังรองรับการยืนยันตัวตนด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การใช้ Certificate, Username/Password และ TLS-auth ทำให้มั่นใจได้ว่าการเชื่อมต่อมีความปลอดภัยอย่างเต็มที่
ด้านความเร็วของ OpenVPN
ในด้านความเร็ว OpenVPN มีสองโหมดหลักคือ UDP และ TCP โดยโหมด UDP จะให้ความเร็วที่สูงกว่า เหมาะกับการสตรีมมิ่งหรือเล่นเกมที่ต้องการความลื่นไหล ส่วนโหมด TCP แม้จะช้ากว่าเล็กน้อยแต่มีความเสถียรมากกว่า จึงเหมาะกับการดาวน์โหลดไฟล์หรือท่องเว็บทั่วไป
ข้อดี OpenVPN
- ความปลอดภัยสูง
- รองรับทุกระบบ Windows, macOS, Android, iOS
ข้อเสีย OpenVPN
- ความเร็วค่อนข้างช้า
OpenVPN เหมาะกับใคร
- ผู้ที่ต้องการ VPN ที่ปลอดภัยสูงที่สุด
- ประเทศที่มีการบล็อกอินเทอร์เน็ตเนื่องจากทะลุบล็อกแบบยากๆได้ดี
IKEv2
IKEv2 ย่อมาจาก Internet Key Exchange version 2 เป็นโปรโตคอลที่ร่วมพัฒนาโดย Microsoft และ Cisco ใช้จับคู่กับ IPsec เพื่อสร้างการเชื่อมต่อที่เข้ารหัสและปลอดภัย จุดเด่นของ IKEv2 คือ Mobility and Multihoming Protocol (MOBIKE) ที่ช่วยให้เชื่อมต่อได้ต่อเนื่องแม้เปลี่ยนเครือข่าย เช่น จาก Wi-Fi ไปยัง 4G โดยไม่หลุดการเชื่อมต่อ
ด้านความปลอดภัย IKEv2
IKEv2 ใช้การเข้ารหัสระดับ AES-256 พร้อมกับระบบยืนยันตัวตนแบบ IPsec ซึ่งให้ความปลอดภัยในระดับเดียวกับ OpenVPN ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลของคุณจะถูกปกป้องอย่างเข้มงวด
ด้านความเร็วของ IKEv2
ในเรื่องความเร็ว IKEv2 มีความเร็วสูงมาก เหมาะอย่างยิ่งกับการใช้งานบนมือถือหรือเครือข่ายที่มีความเร็วสูง นอกจากนี้ยังมีจุดเด่นเรื่องการสลับเครือข่ายได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเชื่อมต่อใหม่ (reconnect) จึงทำให้การใช้งานเป็นไปอย่างต่อเนื่องและราบรื่น
ข้อดี IKEv2
- เร็วและเสถียรมาก
- เหมาะกับอุปกรณ์พกพา
- เสถียรต่อการเปลี่ยน IP หรือเครือข่าย เช่น จาก Wi-Fi ไป 4G
ข้อเสีย IKEv2
- ไม่สามารถทะลุบล็อกไฟร์วอลล์ได้ดีเท่า OpenVPN
- ใช้งานไม่ได้กับบางระบบ เช่น Android รุ่นเก่า
IKEv2 เหมาะกับใคร
- ผู้ใช้สมาร์ตโฟน
- คนที่เดินทางบ่อย และต้องการเชื่อมต่อที่ไม่สะดุด
- คนที่ต้องการความเร็วและความปลอดภัยสูง
WireGuard
WireGuard คือโปรโตคอล VPN สมัยใหม่ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2019 และได้รับการพัฒนาต่อเนื่องจนครบคุณสมบัติในปี 2023 ใช้โค้ดน้อยกว่า OpenVPN กว่า 90% ทำให้เร็วและปลอดภัยมากขึ้น ใช้การเข้ารหัสแบบใหม่ เช่น ChaCha20, Curve25519 ที่เร็วกว่า AES โดยเฉพาะบนมือถือ
ด้านความปลอดภัย WireGuard
WireGuard เป็นโปรโตคอล VPN ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในช่วงหลัง เพราะมีจุดเด่นทั้งด้านความปลอดภัยและความเร็ว สำหรับเรื่องความปลอดภัย WireGuard ใช้เทคโนโลยีเข้ารหัสที่ทันสมัยมาก เช่น ChaCha20 ซึ่งเป็นอัลกอริธึมเข้ารหัสที่ทั้งปลอดภัยและทำงานได้รวดเร็ว นอกจากนี้ WireGuard ยังมีโค้ดเบส (codebase) หรือโครงสร้างโปรแกรมที่มีขนาดเล็กกว่าตัวอื่น ๆ ทำให้ตรวจสอบหาช่องโหว่ได้ง่าย และสามารถอัปเดตเพื่อเพิ่มความปลอดภัยได้อย่างรวดเร็ว จึงเหมาะกับการใช้งานในระดับองค์กร โดยเฉพาะเมื่อมีการตั้งค่าอย่างถูกต้อง
ด้านความเร็ว WireGuard
ในแง่ของความเร็ว WireGuard ถือว่าเร็วที่สุดเมื่อเทียบกับโปรโตคอล VPN ทั่วไป เพราะสามารถลด latency หรือความหน่วงในการส่งข้อมูลได้ดี ซึ่งหมายความว่าเวลาที่คุณสั่งเปิดเว็บหรือดูวิดีโอ ข้อมูลจะถูกส่งไปกลับได้เร็วขึ้น จึงตอบสนองได้ทันใจ นอกจากนี้ WireGuard ยังมีประสิทธิภาพโดยรวมดีกว่า OpenVPN และ IKEv2 ทั้งในแง่ของการเชื่อมต่อและการใช้งานจริง
ข้อดี WireGuard
- เร็ว และใช้ทรัพยากรเครื่องน้อย ทำให้ทำงานได้รวดเร็วแม้ในอุปกรณ์สเปกไม่สูง เช่น มือถือหรือโน้ตบุ๊กเก่า
- ปลอดภัย ใช้การเข้ารหัสที่ทันสมัย เช่น ChaCha20 ซึ่งเป็นอัลกอริธึมเข้ารหัสที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูง
- เชื่อมต่อเร็ว (Fast Handshake) Handshake คือกระบวนการเริ่มต้นเชื่อมต่อ VPN ซึ่ง WireGuard ทำได้เร็วมาก ภายในไม่กี่วินาทีหลังจากเปิดใช้งาน
ข้อเสีย WireGuard
- ต้องตั้งค่าคีย์แบบแมนนวลในบางกรณี การใช้งานบางแบบ ผู้ใช้ต้องสร้างและจัดการคีย์เข้ารหัสด้วยตนเอง ซึ่งอาจไม่สะดวกสำหรับผู้ที่ไม่ชำนาญด้านเทคนิค
- ไม่รองรับ Dynamic IP/port ได้ดีเท่า OpenVPN Dynamic IP/port คือ IP หรือพอร์ตที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ เช่น จากผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ซึ่ง WireGuard อาจไม่ปรับตัวกับสถานการณ์เหล่านี้ได้ดีเท่า OpenVPN ที่รองรับระบบแบบนี้ได้มากกว่า
WireGuard เหมาะกับใคร
- ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการ VPN ที่เร็วที่สุด
- เหมาะกับสตรีมเกม วิดีโอคอลล์ และมือถือ
ภาพเปรียบเทียบความเร็วในการดาวน์โหลดของแต่ละโปรโตคอล
ตารางเปรียบเทียบแต่ละโปรโตคอล VPN
โปรโตคอล |
ความปลอดภัย |
ความเร็ว |
การทะลุบล็อก |
รองรับอุปกรณ์ |
เหมาะกับใคร |
OpenVPN |
สูงมาก |
ช้า |
ดีมาก |
ครบทุกระบบ |
ฟีเจอร์ครบ ทะลุบล็อกแบบยากๆ |
IKEv2 |
สูง |
ปานกลาง |
ดี |
ครบทุกระบบ |
ต้องการความเร็ว และความปลอดภัย |
WireGuard |
สูง |
เร็วที่สุด |
ดี |
ครบทุกระบบ |
คนที่ต้องการ ความเร็ว เล่นเกม สตรีมวิดีโอ |
เลือกใช้โปรโตคอล VPN อย่างไรดี?
- เลือก OpenVPN ถ้าคุณต้องการ ความปลอดภัยสูง ทะลุบล็อกยากๆ ใช้งานในประเทศที่มีการบล็อกเข้มงวด
- เลือก IKEv2/IPSec ถ้าคุณต้องการความเร็วและความปลอดภัยและใช้มือถือบ่อย, เดินทางบ่อย, หรือต้องสลับระหว่าง Wi-Fi กับ 4G เป็นประจำ เหมาะกับคนที่ต้องการ เชื่อมต่อเร็วและเสถียร
- เลือก WireGuard ถ้าคุณต้องการ VPN ที่ เร็วมาก ใช้งานง่าย และทันสมัย เหมาะกับการ เล่นเกม, สตรีมวิดีโอ หรือใช้บนอุปกรณ์หลากหลาย
จากบทความด้านบนพี่วัวได้คัดเลือก 3 โปรโตคอลยอดนิยมมาให้ทำความรู้จักกันไม่ว่าจะเป็น OpenVPN, IKEv2 และ WireGuard ซึ่งการเลือกใช้ VPN ที่เหมาะสม ควรเริ่มจากการพิจารณาเรื่องความปลอดภัยก่อน แล้วตามด้วยรูปแบบการใช้งานจริง เมื่อคุณรู้ว่าใช้งาน VPN เพื่ออะไร การตัดสินใจก็จะง่ายและชัดเจนมากขึ้น
ทั้งนี้พี่วัวขอแนะนำ BullVPN ผู้ให้บริการ VPN ที่เน้นความปลอดภัย ใช้งานง่าย และรองรับโปรโตคอลยอดนิยมอย่าง OpenVPN, IKEv2, และ WireGuard ทำให้เหมาะกับทุกไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะทะลุบล็อก สตรีม ดูหนัง เล่นเกม หรือทำงานออนไลน์ ก็มั่นใจได้ว่าข้อมูลของคุณจะปลอดภัยและรวดเร็วทุกการเชื่อมต่อครับ